Call Management Solutions
Boonyawee Sirimaya
3
นาที อ่าน
January 21, 2025

AI ปะทะแก๊งคอลเซ็นเตอร์: วิธีใหม่ในการสกัดกลโกง

แก๊งคอลเซ็นเตอร์กำลังระบาดหนัก สร้างความเสียหายมหาศาลทั้งต่อคนทั่วไปและภาคธุรกิจ พวกมิจฉาชีพพัฒนาวิธีการหลอกลวงที่แยบยลขึ้นเรื่อยๆ ด้วยการปลอมตัวเป็นองค์กรที่น่าเชื่อถือ เพื่อหลอกเอาข้อมูลสำคัญหรือเงินจากเหยื่อ แต่วันนี้เรามีฮีโร่ตัวใหม่มาช่วยต่อกรกับเหล่ามิจฉาชีพ นั่นคือ เทคโนโลยี AI

บทความนี้จะพาทุกคนไปดูว่า AI กำลังช่วยต่อสู้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างไร มีศักยภาพแค่ไหนในการปกป้องประชาชน และอนาคตของเทคโนโลยีนี้จะไปในทิศทางไหน

หลอกลวงผ่านคอลเซ็นเตอร์ที่เพิ่มขึ้น

การหลอกลวงผ่านคอลเซ็นเตอร์หรือ "แก๊งคอลเซ็นเตอร์" เกิดขึ้นเมื่อมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นตัวแทนจากธนาคาร หน่วยงานรัฐ หรือบริษัทที่มีชื่อเสียงเพื่อหลอกลวงเหยื่อ จากการศึกษาล่าสุดพบว่า ความเสียหายจากการหลอกลวงเหล่านี้มีมูลค่าหลายพันล้านบาททั่วโลก โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และสหรัฐอเมริกาที่มีสถิติน่าตกใจ

ภาพประกอบแสดงมิจฉาชีพใส่เสื้อลายทางและหน้ากาก กำลังใช้แล็ปท็อปพร้อมไอคอนแสดงข้อมูลส่วนตัวที่ถูกปลดล็อกและสัญลักษณ์เงินดอลลาร์
แก๊งคอลเซ็นเตอร์สมัยใหม่ใช้เทคนิคซับซ้อนในการขโมยข้อมูลส่วนตัว

กลยุทธ์ที่พบบ่อย ได้แก่: 

  • การแอบอ้าง: มิจฉาชีพแอบอ้างเป็นพนักงานธนาคาร เพื่อขอข้อมูลบัญชี 
  • การสร้างความเร่งด่วน: กดดันเหยื่อให้ตัดสินใจเร็ว มักใช้การข่มขู่หรือหลอกล่อด้วยรางวั 
  • ใช้จิตวิทยา: ปรับแต่งคำพูดให้น่าเชื่อถือ ทำให้เหยื่อตายใจ

ผลกระทบไม่ได้มีแค่การสูญเสียเงิน แต่ยังทำลายความเชื่อมั่นที่คนมีต่อองค์กรต่างๆ และสร้างความเครียดทางจิตใจให้กับเหยื่ออีกด้วย

AI เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหานี้ยังไงได้บ้าง

AI กำลังพิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นอาวุธชิ้นสำคัญในการปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ด้วยความสามารถในการวิเคราะห์รูปแบบ จับพิรุธ และตอบโต้แบบทันท่วงที ทำให้องค์กรต่างๆ สามารถป้องกันตัวได้ก่อนที่จะถูกโจมตี มาดูกันว่า AI ทำงานอย่างไร:

1. จับตาพฤติกรรมน่าสงสัย 

AI เก่งในการแยกแยะข้อมูลมหาศาล เพื่อหารูปแบบและจุดผิดปกติที่บ่งชี้ว่าอาจเป็นการหลอกลวง เช่น:

  • รูปแบบการโทรที่ผิดปกติ: AI สามารถตรวจจับการโทรซ้ำๆ ไปยังหลายคนในเวลาอันสั้น ซึ่งบ่งชี้ถึงแคมเปญฟิชชิ่ง 

ตัวอย่างเครื่องมือ: Hiya – ใช้การวิเคราะห์ด้วย AI เพื่อระบุสายโรบอทและความพยายามฟิชชิ่งแบบเรียลไทม์ จำแนกสายเป็นหลอกลวงหรือถูกต้อง

  • ต้นทางความเสี่ยงสูง: AI จะแจ้งเตือนเมื่อพบสายจากพื้นที่เฉพาะหรือหมายเลขปลอม ตัวอย่างเครื่องมือ: Truecaller – วิเคราะห์ข้อมูลที่ผู้ใช้รายงาน เพื่อระบุและบล็อกสายสแปม แจ้งเตือนผู้ใช้ถึงความเสี่ยงก่อนรับสาย
  • การวิเคราะห์คำสำคัญ: AI สแกนบทสนทนาหาวลีที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวง เช่น "ต้องดำเนินการด่วน" หรือ "ยืนยันบัญชีของคุณ" 

ตัวอย่างเครื่องมือ: CallMiner Eureka – เครื่องมือวิเคราะห์เสียงพูดแบบเรียลไทม์ ตรวจจับคำหลอกลวงและสัญญาณทางอารมณ์ที่บ่งชี้ถึงการหลอกล่อ

  • สัญญาณทางพฤติกรรม: AI ติดตามระยะเวลาการโทร ความถี่ และช่วงเวลาที่โทร เพื่อหาสัญญาณเตือนภัย เช่น ความพยายามติดต่อบุคคลเฉพาะซ้ำๆ

2. การวิเคราะห์การโทรแบบเรียลไทม์ 

Tollring แบรนด์ที่น่าเชื่อถือด้านการวิเคราะห์การโทร ให้การป้องกันแบบเรียลไทม์จากการหลอกลวงผ่านคอลเซ็นเตอร์ด้วยข้อมูลเชิงลึกจาก AI ขั้นสูง โซลูชันของ Tollring วิเคราะห์บทสนทนา ตรวจจับเจตนา และตอบสนองทันทีต่อพฤติกรรมต้องสงสัย ดังนี้:

  • เข้าใจเจตนา: ระบบ AI ของ Tollring รู้จักภาษาหรือกลยุทธ์การหลอกล่อระหว่างการโทร ช่วยให้ธุรกิจระบุภัยคุกคามได้แต่เนิ่นๆ 
  • แจ้งเตือนสด: Tollring แจ้งเตือนเจ้าหน้าที่และหัวหน้างานทันทีหากตรวจพบพฤติกรรมฉ้อโกงระหว่างการโทร เพื่อให้ดำเนินการได้ทัน
  • ปรับตัวแบบไดนามิก: Tollring เรียนรู้จากกลยุทธ์การหลอกลวงใหม่ๆ รวมถึงการปลอมเสียงและฟิชชิ่งซับซ้อน เพื่อให้พัฒนาการต่อต้านภัยคุกคามใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ด้วย Tollring ธุรกิจสามารถติดตามและวิเคราะห์การโทรเพื่อปกป้องการดำเนินงานและลูกค้าจากการฉ้อโกง พร้อมรักษาคุณภาพบริการที่ยอดเยี่ยม ซึ่งตอนนี้มีให้บริการในประเทศไทยแล้ว

3. การจดจำเสียงและการยืนยันตัวผู้โทร 

ไบโอเมตริกซ์เสียงเป็นหนึ่งในวิธีที่ปลอดภัยที่สุดในการยืนยันตัวผู้โทร โดยใช้ลักษณะเสียงเฉพาะตัวเพื่อยืนยันตัวตน AI ยกระดับเทคโนโลยีนี้ไปอีกขั้น:

ภาพเงาสีเขียวของศีรษะพร้อมคลื่นเสียงสีเหลืองและไอคอนเครื่องหมายถูก แสดงถึงการจดจำเสียง
ระบบจดจำเสียงด้วย AI ช่วยยืนยันตัวตนผู้โทร
  • การพิสูจน์ตัวตนผู้โทร: ไบโอเมตริกซ์เสียงเปรียบเทียบลายเสียงของผู้โทรกับฐานข้อมูลเพื่อยืนยันตัวตน 

ตัวอย่างเครื่องมือ: Nuance Gatekeeper – วิเคราะห์ลักษณะเสียงกว่า 1,000 แบบเพื่อยืนยันตัวผู้โทร บล็อกผู้แอบอ้างทันที

  • การตรวจจับเสียงปลอม: AI สามารถตรวจจับความไม่สอดคล้องในโทนเสียง ระดับเสียง หรือจังหวะ เพื่อระบุเสียงปลอมหรือเสียงที่โคลนมา 

ตัวอย่างเครื่องมือ: Pindrop – วิเคราะห์ลักษณะทางเสียงเพื่อแยกแยะระหว่างเสียงจริงและเสียงสังเคราะห์ได้แม่นยำสูง

  • ธุรกรรมที่ปลอดภัย: ไบโอเมตริกซ์เสียงเพิ่มความปลอดภัยอีกชั้นสำหรับธุรกรรมสำคัญ 

ตัวอย่างเครื่องมือ: Nuance Gatekeeper – ใช้บ่อยในธนาคาร เพื่อให้แน่ใจว่าเฉพาะผู้ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่ทำธุรกรรมเสี่ยงสูงได้

4. แพลตฟอร์มป้องกันการฉ้อโกงด้วย AI 

นอกจากการติดตามแบบเรียลไทม์และการจดจำเสียง แพลตฟอร์ม AI ยังมีระบบป้องกันการฉ้อโกงครบวงจรสำหรับคอลเซ็นเตอร์:

  • การบล็อกการหลอกลวงรูปแบบใหม่: แพลตฟอร์ม AI วิเคราะห์ข้อมูลและเทรนด์เพื่อคาดการณ์และบล็อกภัยคุกคามใหม่ 

ตัวอย่างเครื่องมือ: RSA FraudAction – เชี่ยวชาญด้านการป้องกันวิชชิ่ง (หลอกลวงทางเสียง) ทำงานร่วมกับผู้ให้บริการโทรคมนาคมและเจ้าหน้าที่เพื่อปิดการดำเนินงานหลอกลวง

  • การยืนยันตัวตนอัตโนมัติ: ระบบที่ขับเคลื่อนด้วย AI ถามคำถามแบบไดนามิกเพื่อยืนยันตัวผู้โทรและลดความเสี่ยง 

ตัวอย่างเครื่องมือ: Google Dialogflow – แพลตฟอร์ม AI สนทนาที่ช่วยธุรกิจใช้แชทบอทยืนยันตัวตนลูกค้าอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

  • เตือนภัยล่วงหน้า: แพลตฟอร์ม AI คอยอัปเดตข้อมูลให้ธุรกิจรู้ทันกลโกงใหม่ๆ เพื่อเตรียมรับมือได้ทัน 

ตัวอย่างเครื่องมือ: FraudHunter – ระบบที่เรียนรู้และปรับตัวตามกลโกงใหม่ๆ ตลอดเวลา เพื่อให้การป้องกันมีประสิทธิภาพสูงสุด

ความท้าทายในการใช้ AI ต่อกรกับมิจฉาชีพ 

แม้ AI จะมีประสิทธิภาพสูง แต่ก็ยังเจอความท้าทายในการต่อสู้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพราะพวกมิจฉาชีพก็พัฒนาวิธีการอยู่ตลอด รวมถึงใช้เทคโนโลยีขั้นสูงอย่างการสร้างเสียงด้วย AI เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับเพื่อรับมือกับสิ่งนี้ ระบบ AI ต้องพัฒนาตัวเองด้วยเช่นกัน โดยต้องมี:

  • การเรียนรู้ไม่หยุดนิ่ง: โมเดล Machine Learning ต้องอัปเดตตัวเองสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้ตามหลังเหล่ามิจฉาชีพ
  • การร่วมมือกัน: การแชร์ข้อมูลการหลอกลวงระหว่างอุตสาหกรรม จะช่วยให้ AI เก่งขึ้นในการจับและป้องกันการโกง

อนาคตของ AI ในการป้องกันการหลอกลวง

AI มีศักยภาพมหาศาลในการป้องกันการหลอกลวง นี่คือสิ่งที่เราจะได้เห็นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า:

  1. อัลกอริทึมที่ฉลาดขึ้น: AI จะยิ่งเก่งขึ้นในการจับกลโกงที่ซับซ้อน
  2. การป้องกันเชิงรุก: AI อาจทำนายการหลอกลวงได้ก่อนที่จะเกิดขึ้น ด้วยการวิเคราะห์เทรนด์ทั่วโลก
  3. ความร่วมมือที่แข็งแกร่งขึ้น: รัฐบาล ภาคธุรกิจ และนักพัฒนา AI จะจับมือกันสร้างระบบป้องกันที่เป็นหนึ่งเดียว

เคล็ดลับป้องกันตัวจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 

แม้จะมี AI ช่วย แต่เราทุกคนก็ต้องระวังตัวด้วย นี่คือวิธีป้องกันตัวเบื้องต้น:

  • ไม่บอกข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลการเงินทางโทรศัพท์เด็ดขาด
  • หากมีข้อสงสัย ให้วางสายแล้วโทรกลับเบอร์ทางการขององค์กรนั้นๆ
  • ใช้แอปที่มี AI ช่วยบล็อกสายหลอกลวง
  • แจ้งเบาะแสสายน่าสงสัยให้เจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

บทสรุป 

แก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นปัญหาที่หนักขึ้นเรื่อยๆ แต่ AI ก็เป็นความหวังใหม่ในการต่อสู้ ด้วยความสามารถในการจับรูปแบบต้องสงสัย วิเคราะห์สายแบบทันที และมอบเครื่องมือฉลาดๆ ให้ประชาชน AI กำลังเปลี่ยนโฉมการต่อสู้กับการหลอกลวงยิ่ง AI พัฒนา บทบาทในการป้องกันการหลอกลวงก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น เมื่อผนวกกับความตื่นตัวของประชาชนและความร่วมมือจากทุกฝ่าย เราก็จะสามารถเอาชนะเหล่ามิจฉาชีพและสร้างโลกที่ปลอดภัยขึ้นสำหรับทุกคนได้


ทาง Amity Solutions ก็มีบริการที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานเช่นกัน ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของเราได้ที่นี่