แอปหาคู่ AI เข้าใจกฎแรงดึงดูดในการหารักแท้จริงหรือเปล่า?
แอปพลิเคชั่นหาคู่ส่วนมากให้คำนิยามความรักในยุคปัจจุบันผ่านความเข้ากันได้และความสนใจที่มีร่วมกัน—เป็นเรื่องจริงหรือความคิดเห็น?
เมื่อพูดถึงความรักและการดึงดูดทางเพศ มักจะเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันในสังคมปัจจุบัน บางหัวข้อก็ถูกทดสอบผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์
แพลตฟอร์มหาคู่ออนไลน์มีตั้งแต่ปีค.ศ. 1995 โดยเว็บไซต์ได้กรองกลุ่มคนที่เหมาะสมกันและจับคู่ผู้ใช้ตามข้อกำหนดที่ผู้ใช้ต้องการและไลฟ์สไตล์ที่สัมพันธ์กัน นำไปสู่การเพิ่มอัตราการแต่งงานในไม่กี่ปีต่อมา ตามด้วยแพลตฟอร์มหาคู่ต่าง ๆ ที่ทยอยออกสู่ตลาดออนไลน์
แล้วการพบกันเหมือนกับฟ้าลิขิตไว้ล่ะ? "ฉันเดินชนเขาอย่างไม่ได้ตั้งใจที่ร้านกาแฟแล้วก็เราเผลอสบตา"?
อาจจะเป็นแค่ฝันกลางวันหรืออาจจะต้องโทษภาพยนตร์โรแมนติกที่สร้างความหวังให้กับคนธรรมดาอย่างเราๆ
เทคโนโลยี AI ได้เปลี่ยนแปลงประสบการณ์ในการหาคู่มากจนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมุมมองของสังคม พฤติกรรม และข้อกำหนดความสัมพันธ์ อีกทั้งมีส่วนสำคัญที่ทำให้วัฒนธรรมการหาคู่เอนไปทางความสัมพันธ์แบบไม่มีข้อผูกมัด และ Ghosting (การหายเงียบ) ในหลายประเทศ
แต่แอปหาคู่ก็นำไปสู่ความสำเร็จอยู่ไม่น้อย จากผลงานวิจัยในปี 2022 กล่าวว่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ของกลุ่มที่ใช้แอปพลิเคชันหาคู่ Bumble 39% นำไปสู่การแต่งงานหรือพัฒนาไปอย่างจริงจัง
นั่นคือผลการศึกษาจากแอปพลิเคชั่นเดียว
แรงดึงดูดคืออะไรและส่งผลต่อแนวโน้มการนัดเดทกับอย่างไร?
ตามราชบัณฑิตสภาอเมริกัน การดึงดูดใจหรือการดึงดูดระหว่างบุคคลคือ "ความสนใจและความชอบของบุคคลหนึ่งต่อบุคคลอีกคนที่อาจจะเกิดจากประสบการณ์ที่มีร่วมกัน ลักษณะนิสัยคล้ายกัน หรือความชอบในรูปลักษณ์ภายนอก"
แต่สิ่งที่ทำให้การหาคู่ออนไลน์เป็นเรื่องน่าท้าทายคือเราจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าโปรไฟล์แสดงถึงความเป็นตัวเขาจริงหรือไม่ และภาษากายที่สื่อขณะที่พูดคุยจีบกันเป็นแบบไหน
ผลสำรวจของ Bumble ในปี 2022 เปิดเผยว่ามากกว่าหนึ่งในสาม (38%) เปิดใจที่จะเดทกับคนที่รูปลักษณ์ภายนอกต่างกันคนละขั้ว 28% ไม่สนใจหากไม่ตรงตามความมาตรฐานที่ตั้งไว้ และ 63% ให้ความสำคัญกับความฉลาดทางอารมณ์มากกว่ารูปลักษณ์ภายนอก
หากเป็นการนัดเดทจากการพบเจอกันโดยทั่วไปเหมือนสมัยก่อน คุณอาจจะไม่ตัดสินใจจากอาชีพของพวกเขาในทันทีหรือไม่ได้มองว่าความเชี่ยวชาญในการหยอดมุกจีบเป็นสิ่งสำคัญ แต่การหาคู่ออนไลน์ทำให้เราวิเคราะห์สิ่งที่ปรากฎบนจอเป็นหลัก เช่น ภาพถ่ายที่ดีที่สุดที่เลือกมา ความสม่ำเสมอในการส่งข้อความ และการมโนไปก่อนว่าคนนี้เป็นคนอย่างไร
AI ใช้อะไรเป็นตัวตัดสินความเป็นไปได้ของความสัมพันธ์
สำหรับ AI แล้วแรงดึงดูดหรือความสนใจทางเพศถูกกำหนดโดยปัจจัยบางประการที่คุณเองอาจไม่รู้ตัว
ระบบ AI ที่ใช้วิเคราะห์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละแพลตฟอร์ม แต่ระบบที่พบเป็นส่วนมากคือ Machine Learning
โปรไฟล์ผู้ใช้จะถูกสุ่มในระบบและกรองโดยปัจจัยด้านระยะทาง ความสนใจ และไลฟ์สไตล์ด้านอื่น ๆ ซึ่งขึ้นอยู่กับการตั้งค่าของผู้ใช้
หลังจากนั้นระบบจะวิเคราะห์การตอบสนองของคุณต่อโปรไฟล์ที่แสดงบนหน้าจอและให้คะแนนความเข้ากันตามความสนใจที่มีร่วมกัน ค่าความพอใจ และการตอบสนองต่อคำถามเกี่ยวกับบุคลิกภาพ
อัลกอริทึม AI เรียนรู้และปรับปรุงทุกครั้งที่คุณปัดขวา (ซึ่งหมายความว่าถูกใจ) โดยการสแกนลักษณะใบหน้าที่คุณมักจะมีปฏิกิริยาในเชิงบวก แล้วแสดงโปรไฟล์ตาม “สเปค” ของคุณ
ปัจจัยที่เปลี่ยนไปเหล่านี้มีผลต่อการตัดสินผู้อื่น ทำให้การเข้าหาอีกฝ่ายเพื่อจีบหรือชวนไปออกเดท ผ่านการส่งข้อความเป็นเรื่องปกติ รวมถึงมักจะเผลอตัดสินหรือคิดไปเองก่อนว่าอีกฝ่ายเป็นคนอย่างไรผ่านการนำเสนอบนแอปพลิเคชั่น
นั่นเป็นเหตุผลที่สอดคล้องกับข้อมูลจากศูนย์วิจัย Pew ซึ่งระบุว่า ชาวอเมริกัน 47% เชื่อว่าการออกเดทในปัจจุบันท้าทายกว่าเมื่อสิบปีก่อน
สิ่งที่แอปพลิเคชันหาคู่ AI ให้กับคุณ
ถ้าสเปคคนที่คุณสนใจอาศัยอยู่ในเมืองอื่นละ?
คุณสามารถเสียค่าใช้จ่ายเพื่อเพิ่มตัวเลือกให้กับตัวเองได้ โดยสิทธิพิเศษที่ได้รับคือคุณสามารถเข้าถึงและนำเสนอตัวเองกับกลุ่มคนที่อาศัยอยู่ประเทศอื่นได้ทั่วโลก นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อกับคนในสภาพแวดล้อมและวัฒนธรรมที่แตกต่างกันได้
อย่างใดก็ตาม สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ทำให้คุณพลาดประสบการณ์ความรักในรูปแบบต่าง ๆ รอบตัวคุณถ้าคุณเปิดใจ
และเพื่อให้ความสัมพันธ์ประสบความสำเร็จ ควรใส่ใจกับปัจจัยอื่นๆ ที่มากกว่าแรงดึงดูดทางเพศเท่านั้น หรือจะอ้างถึงทฤษฎีของโรเบิร์ต สเติร์นเบิร์ก—สามส่วนประกอบของความรัก ประกอบด้วยความใกล้ชิด ความหลงไหล และข้อผูกมัดทางกายวาจาใจ
ความรู้สึกเชื่อมโยงที่เป็นที่เข้าใจกันโดยธรรมชาติของมนุษย์แต่ไม่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนทางวิทยาศาสตร์ ไม่มีถูกผิด
สมาคม #Booktok ยืนยันตัวตน
ติดตาเนื้อหาสาระเกี่ยวกับ AI และอัพเดต AI ต่างๆ เพิ่มเติมคลิกที่นี่