วิธีใช้ Generative AI ตัวช่วยงานออฟฟิศ ธุรกิจไหลลื่น
ใช้ Generative AI ให้คุ้นเคยเข้าไว้ เพื่อประสิทธิภาพในการทำงานที่ดีกว่าเดิม
Generative AI เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่ล้ำยุคและพลิกโฉมโลก AI ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ที่สำคัญคือเครื่องมือเหล่านี้เป็นมิตรต่อชาวออฟฟิศด้วย
จากผลสำรวจของ Forbes Advisors พบว่าประมาณครึ่งหนึ่ง (46%) ของเจ้าของกิจการ 600 คนที่กำลังใช้หรือวางแผนที่จะใช้ AI ในธุรกิจมีการนำ AI มาใช้ในการสื่อสารภายในองค์กร
ซึ่งรวมไปถึงอีเมลอัตโนมัติ การตรวจการสะกดคำ การจัดตารางงาน และการสร้างไสลด์นำเสนองาน บางส่วนอาจยังต้องตรวจสอบเพิ่มเติมและคำนึงถึงการใช้งานที่เหมาะสม
ดังนั้น เมื่อลูกทีมเข้าใจว่า Generative AI เป็นตัวช่วยมากกว่าภัยคุกคามอาชีพของพวกเขา ทุกคนจะทำงานตามเป้าหมายเพื่อความสำเร็จของบริษัทได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
เรามาเริ่มต้นด้วยคำจำกัดความให้เข้าใจง่าย ๆ กันก่อนดีกว่า
Generative AI คืออะไร?
Generative AI หรือ Generative Artificial Intelligence คือเทคโนโลยีประเภทหนึ่งที่สามารถสร้างเนื้อหาใหม่ เช่น ภาพ ข้อความ หรือเพลง โดยอิงตามรูปแบบที่เรียนรู้มาจากฐานข้อมูลที่มีอยู่แล้ว แทนที่จะตอบสนองด้วยเนื้อหาที่เขียนไว้ล่วงหน้า
ในปัจจุบันมีกลุ่มนักพัฒนาที่สร้างเทคโนโลยีดังกล่าว เช่น ChatGPT, Gemini, Microsoft Copilot ซึ่งมีระบบ Large Language Model (LLM) ของตนเอง เป็นชนิดของ AI ที่ถูกฝึกและออกแบบด้วยข้อมูลจำนวนมากเพื่อเข้าใจและสร้างภาษาที่คล้ายกับมนุษย์ ให้ระบบตีความ วิเคราะห์ และตอบคำถามอย่างเป็นเหตุเป็นผลกัน
เป็นระบบที่ทำให้การสื่อสารและการดำเนินงานลื่นไหลผ่านการสื่อสารเสมือนคนจริง
ซึ่งเป็นอินเตอร์เฟสเดียวกับแชทบอทหรือหน้าตาแชทข้อความที่คุยกับเพื่อนและครอบครัวในชีวิตประจำวันนั่นเอง
เพียงแค่คุณกำลังสนทนากับ Generative AI ที่ถูกตั้งค่าให้มีลักษณะเหมาะสมต่อบุคคลนั้นๆ
รวมไปถึง AI ที่มาในรูปแบบของฟีเจอร์เพิ่มเติมบนแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ
ลูกทีมได้ประโยชน์อะไรจากการใช้ Generative AI?
ประสิทธิภาพการทำงานที่สูงขึ้น
Generative AI สามารถทำงานแบบอัตโนมัติ ซึ่งช่วยให้ลูกทีมมีเวลาว่างไปทำงานที่สำคัญและเร่งด่วนกว่า
ตัวอย่างแพลตฟอร์มที่แนะนำ: ClickUp, HubSpot, Gather
ตัดสินใจรวดเร็วและสม่ำเสมอ
การที่ Generative AI ให้ข้อมูลจากฐานข้อมูลและคาดการณ์จากระบบวิเคราะห์ช่วยให้ลูกทีมสามารถตัดสินใจได้รวดเร็วและแม่นยำ
ตัวอย่างแพลตฟอร์มที่แนะนำ: Tableau, Mailchimp
สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า
Generative AI ให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับพนักงานฝ่ายขายตามเคส เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าตามความข้อเรียกร้องและข้อคำถาม
ตัวอย่างแพลตฟอร์มที่แนะนำ: Enterprise AI Agent
แคมเปญการตลาดที่สร้างสรรค์
ให้ Generative AI นำเสนอปรับแคมเปญโฆษณาให้เหมาะสมและสร้างเนื้อหาให้โดนใจกลุ่มลูกค้านั้นๆ
ตัวอย่างแพลตฟอร์มที่แนะนำ: Jasper, Grammarly, Canva
การวัดค่าความสำเร็จและ ROI
และสิ่งสุดท้ายที่สำคัญไม่แพ้กันคือ การกำหนดดัชนีชี้วัดผลงาน (KPIs) และการนำเสนอกลยุทธ์การพัฒนาที่ต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญในการวัดค่าความสำเร็จและผลตอบแทนจากการใช้ Generative AI
ตัวอย่างแพลตฟอร์มที่แนะนำ: ClickUp, Tableau
วิธีเลือก Generative AI
การเลือก Generative AI ที่เหมาะสมต้องสัมพันธ์กับเป้าหมายธุรกิจ ความต้องการและวิธีการที่เป็นที่ยอมรับของบริษัท การประเมินและพิจารณาปัจจัยอย่างละเอียด เช่น ความยืดหยุ่นและข้อจำกัดความสามารถในการขยายธุรกิจ ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญในกระบวนการการตัดสินใจ
ในฐานะคนที่เคยใช้เทคโนโลยีนี้ช่วงกำลังศึกษามหาวิทยาลัยอยู่หรือแม้กระทั่งในปัจจุบัน เครื่องมือเหล่านี้ได้เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน การจัดการเวลาในชีวิตและให้ผลลัพธ์ที่ดีมาก ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ
การเตรียมความพร้อมให้ลูกทีมด้วย Generative AI อย่างเป็นระบบไม่ใช่แค่การใช้เทคโนโลยีใหม่ตามเทรนด์เท่านั้น แต่เป็นเรื่องของการยอมรับแนวคิดการทำงานใหม่ นวัตกรรมใหม่
เมื่อลูกทีมได้ศึกษาข้อมูลและเรียนรู้วิธีการใช้งานแล้ว ก็จะเป็นผลดีต่อบริษัทและบรรลุเป้าหมายธุรกิจไปด้วยกัน