อ่านบทความล่าสุดของ Amity Solutions
แอมิตี (Amity) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มเทคโนโลยีชั้นนำที่ขับเคลื่อนชุมชนดิจิทัลและประสบการณ์แห่งโลกโซเชียล มุ่งมั่นที่จะลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือที่เรียกว่า คาร์บอนฟุตพริ้นท์ (carbon footprint) รวมถึงส่งเสริมการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยบริษัทได้สั่งซื้อโปรแกรมชดเชยคาร์บอน เรียกว่า “กรีน-อี® ไคลเมต คาร์บอน ออฟเซ็ตส์ (Green-e® Climate Carbon Offsets)” ซึ่งช่วยแสดงให้เห็นถึงภาพรวมของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือ คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ของบริษัท อันเกี่ยวเนื่องกับการให้บริการระบบคลาวด์ รวมถึงสรุปขั้นตอนที่บริษัทดำเนินการเพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซดังกล่าว
แอมิตี (Amity) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มเทคโนโลยีชั้นนำที่ขับเคลื่อนชุมชนดิจิทัลและประสบการณ์แห่งโลกโซเชียล มุ่งมั่นที่จะลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือที่เรียกว่า คาร์บอนฟุตพริ้นท์ (carbon footprint) รวมถึงส่งเสริมการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยบริษัทได้สั่งซื้อโปรแกรมชดเชยคาร์บอน เรียกว่า “กรีน-อี® ไคลเมต คาร์บอน ออฟเซ็ตส์ (Green-e® Climate Carbon Offsets)” ซึ่งช่วยแสดงให้เห็นถึงภาพรวมของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือ คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ของบริษัท อันเกี่ยวเนื่องกับการให้บริการระบบคลาวด์ รวมถึงสรุปขั้นตอนที่บริษัทดำเนินการเพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซดังกล่าว
กรุงเทพฯ 24 พฤษภาคม 2566 — แอมิตี (Amity) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มเทคโนโลยีชั้นนำที่ขับเคลื่อนชุมชนดิจิทัลและประสบการณ์แห่งโลกโซเชียล มุ่งมั่นที่จะลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือที่เรียกว่า คาร์บอนฟุตพริ้นท์ (carbon footprint) รวมถึงส่งเสริมการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยบริษัทได้สั่งซื้อโปรแกรมชดเชยคาร์บอน เรียกว่า “กรีน-อี® ไคลเมต คาร์บอน ออฟเซ็ตส์ (Green-e® Climate Carbon Offsets)” ซึ่งช่วยแสดงให้เห็นถึงภาพรวมของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือ คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ของบริษัท อันเกี่ยวเนื่องกับการให้บริการระบบคลาวด์ รวมถึงสรุปขั้นตอนที่บริษัทดำเนินการเพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซดังกล่าว
กรุงเทพฯ 24 พฤษภาคม 2566 — แอมิตี (Amity) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มเทคโนโลยีชั้นนำที่ขับเคลื่อนชุมชนดิจิทัลและประสบการณ์แห่งโลกโซเชียล มุ่งมั่นที่จะลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือที่เรียกว่า คาร์บอนฟุตพริ้นท์ (carbon footprint) รวมถึงส่งเสริมการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยบริษัทได้สั่งซื้อโปรแกรมชดเชยคาร์บอน เรียกว่า “กรีน-อี® ไคลเมต คาร์บอน ออฟเซ็ตส์ (Green-e® Climate Carbon Offsets)” ซึ่งช่วยแสดงให้เห็นถึงภาพรวมของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือ คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ของบริษัท อันเกี่ยวเนื่องกับการให้บริการระบบคลาวด์ รวมถึงสรุปขั้นตอนที่บริษัทดำเนินการเพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซดังกล่าว
แม้จะเป็นทายาทรุ่นที่ 3 ของตระกูลดัง “เจียรวนนท์” เจ้าของกลุ่มซีพี และ ทรู คอร์ปอเรชั่น แต่เขาก็เลือกเส้นทางสร้างธุรกิจที่เริ่มต้นจากเพาะเมล็ดพันธุ์ใหม่ แทนที่จะแตกกิ่งก้านจากไม้ใหญ่ที่คนรุ่นปู่และรุ่นพ่อปลูกสร้างไว้ เพื่อตามหาความฝันการเป็นเจ้าของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ เหมือนอย่างบุคคลต้นแบบหลายคนในยุคดิจิทัลที่เขาได้เรียนรู้ผ่านหนังสือและภาพยนตร์
แม้จะเป็นทายาทรุ่นที่ 3 ของตระกูลดัง “เจียรวนนท์” เจ้าของกลุ่มซีพี และ ทรู คอร์ปอเรชั่น แต่เขาก็เลือกเส้นทางสร้างธุรกิจที่เริ่มต้นจากเพาะเมล็ดพันธุ์ใหม่ แทนที่จะแตกกิ่งก้านจากไม้ใหญ่ที่คนรุ่นปู่และรุ่นพ่อปลูกสร้างไว้ เพื่อตามหาความฝันการเป็นเจ้าของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ เหมือนอย่างบุคคลต้นแบบหลายคนในยุคดิจิทัลที่เขาได้เรียนรู้ผ่านหนังสือและภาพยนตร์
เทคโนโลยี Generative AI อย่าง ChatGPT ได้เข้ามาบทบาทมากขึ้นเรื่อย ๆ ในข่วงที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการนำ AI มาช่วยตอบคำถามทั่วไป ไปจนถึงการสร้างรูปภาพหรือแม้กระทั่งช่วยแต่งเพลง อย่างไรก็ตาม การควบคุมดูแลต่าง ๆ ก็จำเป็นจะต้องถูกปรับเปลี่ยนตามไปด้วย ซึ่ง generative AI นั้นควบคุมการทำงานได้ยากกว่าเทคโนโลยีชนิดอื่น ๆ โดยเฉพาะสำหรับการใช้งานในองค์กรใหญ่ ที่จำเป็นจะต้องมีการควบคุมกำกับดูแลอย่างเข้มงวด
เทคโนโลยี Generative AI อย่าง ChatGPT ได้เข้ามาบทบาทมากขึ้นเรื่อย ๆ ในข่วงที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการนำ AI มาช่วยตอบคำถามทั่วไป ไปจนถึงการสร้างรูปภาพหรือแม้กระทั่งช่วยแต่งเพลง อย่างไรก็ตาม การควบคุมดูแลต่าง ๆ ก็จำเป็นจะต้องถูกปรับเปลี่ยนตามไปด้วย ซึ่ง generative AI นั้นควบคุมการทำงานได้ยากกว่าเทคโนโลยีชนิดอื่น ๆ โดยเฉพาะสำหรับการใช้งานในองค์กรใหญ่ ที่จำเป็นจะต้องมีการควบคุมกำกับดูแลอย่างเข้มงวด
ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์นี้เป็นการผสานรวม EkoAI เข้ากับ Databricks Data Intelligence Platform ปฏิวัติการเข้าถึงข้อมูลและข้อมูลเชิงลึกสำหรับผู้ใช้ทางธุรกิจ
Tollring ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการชั้นนำระดับโลกด้านโซลูชันการวิเคราะห์การโทรและระบบธุรกิจอัจฉริยะ ให้บริการแก่ธุรกิจกว่า 20,000 แห่งในสหราชอาณาจักร ยุโรป สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย Tollring เฉิดฉายและมีชื่อเสียงจากการใช้เทคโนโลยี AI และ GenAI อย่างสร้างสรรค์ในชุดผลิตภัณฑ์ของบริษัท
“พวกเรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัล 'The Sauciest Startup' ซึ่งสิ่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการยกย่องในด้านนวัตกรรมของเรา แต่ยังหมายความถึงความสามารถในการจัดการกับความท้าทาย (resilience) ตลอดจนผลกระทบเชิงบวกของเราที่มีต่ออีโคซิสเท็มด้านเทคโนโลยีของประเทศไทย” นาย เคง เถ็ก ก๋วย (Keng Teik Koay) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท หรือ กรุ๊ปซีอีโอ (Group CEO) ของ ASOL กล่าว “หลังจากที่เราได้รับเงินทุนจากการระดมทุนรอบซีรีส์ ซี (Series C) มูลค่า 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 2.2 พันล้านบาท ไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ รางวัลนี้ยิ่งถือเป็นการตอกย้ำสถานะการเป็นผู้นำของ ASOL ในด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ GenAI เรามุ่งมั่นที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับธุรกิจอื่น ๆ และมีส่วนร่วมในการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยผ่านโซลูชัน AI ที่ล้ำสมัย”
การลงทุนครั้งสำคัญนี้จะเป็นเงินทุนที่ช่วยสนับสนุน ASOL ด้านปฏิบัติการวิจัย AI หรือที่เรียกว่า “เอไอ แล็บส์ (AI Labs)” ของ ASOL ซึ่งตั้งอยู่ในไทย โดยมุ่งสร้างและพัฒนาแอปพลิเคชันที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี GenAI นอกจากนี้ เงินทุนดังกล่าวยังจะช่วยสนับสนุนความพยายามของบริษัทในการแข่งขันกับผู้เล่นในระดับภูมิภาคและระดับโลก รวมถึงการเข้าซื้อกิจการในต่างประเทศที่สามารถเสริมประโยชน์ให้กันและกัน
Strategic partnership integrates EkoAI with the Databricks Data Intelligence Platform, revolutionizing data access and insights for business users.
Tollring, recognized as one of the world's foremost providers of call analytics and intelligence solutions, serves over 20,000 businesses across the UK, Europe, the U.S., and Australia. The company has gained prominence for its innovative use of AI and GenAI technologies in its product suite.
The award comes at a pivotal time for ASOL, as the company continues to play a key role in developing Thailand as a center for GenAI development. With its AI-powered solutions already live with many of Thailand's leading businesses, including True Corporation, PTT, NokAir, and Charoen Pokphand Group (CPG), Amity Solutions exemplifies how Thai startups can overcome challenges and drive innovation in the global tech landscape.
The funds will primarily be allocated to GenAI research and development, as well as the company’s M&A strategy to further acquire SaaS (software as a service) companies with the highest potential for GenAI integration, transforming their offerings into use-case focused GenAI products.